พระราชทานเพลิงศพ( (3)
การปฏิบัติเกี่ยวกับหีบเพลิงพระราชทาน
สำหรับกรณีที่มีการขอพระราชทานเพลิงศพ แต่ศพอยู่ต่างจังหวัด (ห่างจากสำนักพระราชวังเกิน 50 กิโลเมตร) นั้น
เมื่อกระทรวงเจ้าสังกัด ผู้ว่าราชการจังหวัด หรือเจ้าภาพ แล้วแต่กรณี ได้มีหนังสือแจ้งมายังสำนักพระราชวังแล้ว
หากศพนั้นอยู่ในเกณฑ์ ทางสำนักพระราชวังจะมีหมายรับสั่งแจ้งให้เจ้าภาพ
ศพทราบ
เพื่อให้เจ้าภาพหรือผู้แทนไปขอรับหีบเพลิงพระราชทานที่กองพระราชพิธี
สำนักพระราชวังเมื่อได้รับแล้วต้องปฏิบัติตามขั้นตอน ดังนี้
1. เชิญหีบเพลิงพระราชทาน ไปวางที่ศาลากลางจังหวัด
อำเภอหรือหน่วยราชการที่สังกัดในท้องที่ หรือที่บ้านแล้วแต่กรณี
ควรมีพานรองรับหีบเพลิงพระราชทานนั้นด้วย
2. เมื่อถึงกำหนดวันพระราชทานเพลิงศพ
ให้ทางเจ้าภาพจัดหาเจ้าหน้าที่หรือญาติที่เป็นข้าราชการแต่งเครื่องแบบปกติขาวไว้ทุกข์
เพื่อเชิญหีบเพลิงพระราชทานพร้อมด้วยพานรอง (หนึ่งหีบต่อหนึ่งคน) ไปยังเมรุที่จะประกอบพิธี
และก่อนที่จะเชิญพานหีบเพลิงพระราชทานไปตั้งไว้ด้านศีรษะศพ (บนโต๊ะที่ตั้งหีบเพลิงจะต้องมีผ้าปูให้เรียบร้อย
และห้ามมิให้นำสิ่งหนึ่งสิ่งใดวางร่วมอยู่ด้วยเป็นอันขาด) เมื่อเชิญเรียบร้อยแล้ว
ให้ผู้เชิญคำนับเคารพศพครั้งหนึ่งแล้วจึงลงจากเมรุ
3. ขณะที่เชิญพานหีบเพลิงพระราชทานไปนั้น
ต้องระมัดระวังกิริยามารยาทโดยสำรวมไม่ต้องทำความเคารพผู้ใด
และไม่ต้องเชิญหีบเพลิงพระราชทานเดินตามหลังผู้หนึ่งผู้ใดเป็นอันขาด
4. ผู้ที่ไปร่วมงานพระราชทานเพลิงศพ ทั้งประชาชน ข้าราชการ
และพนักงานลูกจ้างรัฐวิสาหกิจ ควรแต่งกายไว้ทุกข์ตามประเพณีนิยม
ในกรณีลูกหลานหรือญาติ รวมทั้งผู้ที่เคารพนับถือผู้วายชนม์ที่รับราชการ
จะแต่งกายชุดปกติขาวไว้ทุกข์
ก็จะเป็นเกียรติแก่ผู้วายชนม์และยังนับว่าเป็นการถวายพระเกียรติ
5. ผู้ที่ตั้งแถวรอรับหีบเพลิงพระราชทานเดินไปสู่เมรุ ควรเป็นเจ้าภาพงาน
การแต่งกาย ควรแต่งกายไว้ทุกข์ตามประเพณีนิยม ในกรณีที่เป็นข้าราชการแต่งกายปกติขาวไว้ทุกข์
6. ระหว่างเจ้าหน้าที่ เชิญหีบเพลิงพระราชทานเดินไปสู่เมรุนั้น
ประชาชนที่มาร่วมงานควรนั่งอยู่ในความสงบโดยมิต้องยืนขึ้น ไม่ต้องทำความเคารพและไม่มีการบรรเลงเพลงอย่างใดทั้งสิ้น เพราะยังไม่ถึงขั้นตอนของพิธีการ
เจ้าหน้าที่ผู้เชิญก็มิใช่ผู้แทนพระองค์ เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับมอบหมาย
7. เมื่อถึงกำหนดเวลาพระราชทานเพลิง
ให้เจ้าภาพเชิญแขกที่มาในงานที่มีอาวุโสสูงสุดขึ้นเป็นประธานจุดเพลิง
ประธานในพิธีจุดเพลิงที่อาวุโสสูงสุดนั้น หมายถึง
อาวุโสทั้งในด้านคุณวุฒิและวัยวุฒิ ทั้งนี้
หากมีพระราชวงศ์ตั้งแต่ชั้นหม่อมเจ้าขึ้นไป หรือราชสกุลที่มีเกียรติในราชการ
ซึ่งศพหรือทายาทอยู่ใต้
บังคับบัญชา หรือเป็นผู้ที่เคารพนับถือแล้ว สมควรเชิญบุคคลนั้นเป็นประธาน
8. ในกรณีที่มีการอ่านหมายรับสั่ง ประวัติผู้วายชนม์
สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ควรอ่านตามลำดับ ดังนี้
- หมายรับสั่ง แสดงถึงการได้รับพระราชทานเพลิงศพ
- ประวัติผู้วายชนม์ เพื่อประกาศเกียรติคุณ
- สำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
ขั้นตอนการพระราชทานเพลิง (หีบเพลิง)
1. ผู้เป็นประธานเปิดหีบเพลิง
2. หยิบเทียนชนวนมอบให้แก่เจ้าหน้าที่ผู้เชิญถือไว้
3. หยิบกล่องไม้ขีดไฟจุดเทียนชนวน รอจนเทียนลุกไหม้ดีแล้ว
4. ผู้เป็นประธานถวายบังคม (ไหว้) ไปที่หน้าหีบเพลิงที่วางอยู่
หยิบธูป ดอกไม้จันทน์เทียน จุดไฟหลวงจากเทียนชนวน
แล้วจึงวางไว้ใต้กลางฐานตั้งหีบศพ เป็นอันเสร็จพิธี
การขอดินพระราชทาน
ประเทศไทยเป็นประเทศที่ประชาชนมีอิสระในการเลือกนับถือศาสนา ซึ่งธรรมเนียมการปฏิบัติของแต่ละศาสนาเกี่ยวกับงานศพก็แตกต่างกันไป
บ้างก็ใช้วิธีการเผา บ้างก็ใช้วิธีการฝังดิน ดังนั้น จึงทรง
พระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานดินฝังศพ สำหรับผู้ที่ประกอบคุณงามความดี ซึ่งอยู่ในหลักเกณฑ์เดียวกันกับการขอพระราชทานเพลิงศพแต่มีพิธีกรรมทางศาสนาที่ใช้ดินฝัง
กล่าวคือ
๑) เป็นข้าราชการตั้งแต่ระดับปฏิบัติการขึ้นไป (ระดับ 3 เดิม) สำหรับในกรณียังไม่ได้รับเครื่องราชอิสริยาภรณ์
๒) ผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตั้งแต่ชั้นเบญจมาภรณ์มงกุฎไทย (บ.ม.) ขึ้นไป
๓) บิดา มารดาของข้าราชการระดับชำนาญงานและระดับชำนาญการขึ้นไป (ระดับ 6เดิม)
๔) บิดา มารดาของผู้ที่ได้รับพระราชทานเครื่องราชอิสริยาภรณ์ตั้งแต่ ชั้นตริตาภรณ์ช้างเผือก (ต.ช.) ขึ้นไป
โดยดินพระราชทานจะเป็นห่อเล็ก ๆ สีขาวกับสีดำ จำนวน ๑๐
คู่พร้อมด้วยเครื่องขมาศพ
ซึ่งหลังจากเจ้าหน้าที่ได้เชิญดินพระราชทานไปวางหน้าหีบศพ (ด้านศีรษะ) แล้ว
ประธานในพิธีจะหยิบกระทงข้าวตอกดอกไม้ (เครื่องขมาศพ) จากพนักงานพระราชพิธีวางบนหีบศพ
ก่อนที่จะหยิบห่อดินพระราชทานครั้งละ ๑ คู่วางเรียงต่อจากเครื่องขมาศพจนครบ
จากนั้นแขกและญาติมิตรจึงค่อยทำการฝังศพต่อไป
HR – Revenue
Department <October, 2011 by
อ้างอิง www.rd.go.th/publish/fileadmin/user_upload/roa/Ry160_542.pdf
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น